วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สูตรอาหารเด็กวัย 9 - 12 เดือน


วุ้นเส้นกุ๊กไก่
ส่วนผสม
วุ้นเส้น (ทำจากถั่วเขียว)
เนื้อไก่สับ
แครอทสับละเอียด
หอมหัวใหญ่สับละเอียด
มันฝรั่งหั่นเป็นลูกเต๋าขนาดเล็ก
น้ำมันพืช

วิธีปรุง
1. หั่นวุ้นเส้นเป็นท่อนสั้น ประมาณ 1 นิ้ว ลวกน้ำเดือดจนนิ่ม พักไว้
2. ผัดหอมหัวใหญ่สับกับน้ำมันพืชให้หอม แล้วจึงใส่เนื้อไก่สับลงไป ผัดต่อจนสุก
3. เติมน้ำซุป พอเดือดใส่แครอทและมันฝรั่งลงไป หรี่ไฟกลางๆ จนผักสุกนิ่ม และน้ำงวด
4. ตักราดบนวุ้นเส้นที่ลวกไว้แล้ว จากนั้นเตรียมให้ลูกน้อยได้ลิ้มลองความโอชะได้เลย

คุณค่าที่ลูกได้รับ
วุ้นเส้นให้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ไก่ให้โปรตีน แครอทให้เบต้า-แคโรทีน มันฝรั่งให้แป้งและใยอาหาร

ข้าวคู่หมูสับ
ส่วนผสมข้าวนึ่งนม
ข้าวสาร 1/2 ถ้วย
นมสดหรือนมผงละลายน้ำ 2 ถ้วยตวง
เกลือ 1/4 ช้อนชา

วิธีปรุง
1. ล้างข้าวสารให้สะอาด นำมาคลุกเคล้ากับนมและเกลือ ในชามก้นลึก
2. วางชามลงในลังถึง นึ่งประมาณ 40 นาที หรือจนกว่าข้าวสุกทั่วกันดี

ส่วนผสมหมูอบน้ำส้มคั้น
เนื้อหมูสันใน 200 กรัม
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
กระเทียมสับละเอียด
น้ำซุป 1/4 ถ้วย
น้ำส้มคั้น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช

วิธีปรุง
1. หั่นหมูเป็นชิ้นหนา 1/2 นิ้ว เคล้าหมูด้วยน้ำส้มสายชู กระเทียมและเกลือ หมักไว้ 30 นาที
2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันจนร้อน เคล้าหมูด้วยแป้ง นำลงทอดในน้ำมันให้เหลืองทั้ง 2 ด้าน
3. ตักหมูที่ทอดใส่หม้อ ใส่น้ำซุป น้ำส้มคั้น ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ ปิดฝาเคี่ยวจนนุ่มจึงยกลง

จากนั้นจัดให้ลูกได้กินข้าวนึ่งนมหมูอบจานนี้.......อร่อย
เนื้อหมูให้โปรตีน นมให้โปรตีน ไขมัน และแคลเซี่ยม ช่วยพัฒนาสมองและสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน และการเติบโตของร่างกาย

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สูตรอาหารสำหรับเด็กวัย 6-7เดือน


มันฝรั่งบด
เครื่องปรุง
มันฝรั่งขนาดกลาง 1 ผล  นมสดหรือน้ำต้มสุก 1/2 ถ.
วิธีปรุง
1. ล้างมันฝรั่งให้สะอาดใส่หม้อเติมน้ำให้ท่วม      ต้มจนกระทั่งมันฝรั่งสุกนุ่ม ใช้เวลา 20-30 นาที     หรือหุ้มด้วย อลูมินัมฟรอยด์อบในเตาอบ อุณหภูมิประมาณ 400 ฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
2. นำมันฝรั่งที่ต้มสุกมาลอกเปลือกออก แล้วบดให้ละเอียด ถ้าเหนียวหรือข้นเกินไปให้เติมนมสดหรือน้ำต้มสุก

เฟลคต้มนมสด
เครื่องปรุง
เฟลคหรือธัญพืชสำเร็จ 1-2 ช.ต.  นมสด 1/4 ถ.
วิธีปรุง
1. ผสมเฟลคกับนมสด แล้วคนเข้าด้วยกัน
2. เทใส่หม้อตุ๋นแล้วกวนสักครู่ พอร้อน ปิดไฟ ยกขึ้น

ฟักทองบด
เครื่องปรุง
ฟักทอง 2 ช.ต.  นมสด 3 ช.ต.
วิธีปรุง
1. ต้มฟักทองให้เละ นำมาครูดผ่านกระชอน
2. นำฟักทองที่ครูดแล้วใส่หม้อหม้อตุ๋น ยกขึ้นตั้งไฟ ตุ๋นให้ร้อน เติมนมสด คนให้เข้ากัน

ข้าวบดฟักทอง
เครื่องปรุง
ข้าวสุก 1/2 ถ. ฟักทองหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ช.ต.  น้ำ 2 ถ.
วิธีทำ
1. ต้มข้าวสุกกับน้ำ โดยใช้ไฟอ่อนจนกระทั่งเป็นข้าวต้มเละๆ
2. ใส่ฟักทองที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆลงในหม้อ แล้วบดฟักทองกับข้าวเข้าด้วยกันโดยใช้หลังช้อน

ข้าวบดกะหล่ำดอก
เครื่องปรุง
กะหล่ำดอก 2-3 ช่อ
วิธีทำ
1. เติมน้ำลงในหม้อสูงจากก้นหม้อประมาณ 1 นิ้ว ต้มน้ำให้เดือด
2. ล้างกะหล่ำดอกให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงในน้ำเดือด ปิดฝาเคี่ยวจนนุ่ม ใช้เวลาประมาณ 7-12 นาที
3. ตักกะหล่ำดอกขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วครูดผ่านกระชอน ถ้าข้นเกินไปให้เติมน้ำต้มกะหล่ำดอกหรือเติมนมก็ได้

แตงกวาต้มน้ำซุป
เครื่องปรุง
แตงกวาผลเล็ก 2 ผล น้ำต้มกระดูกไก่ 1 ถ. ซีอิ้วขาวง่วนเชียง 1/2ชช.
วิธีทำ
1. แตงกวาปอกเปลือก ผ่าครึ่งคว้านไส้ออก แล้วหั่นชิ้นเล็ก ต้มกับน้ำต้มกระดูกไก่จนสุกนิ่ม ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว
2. บดแตงกวาที่ต้มสุกด้วยเครื่องบดไฟฟ้า หรือใช้วิธีครูดผ่านกระชอน

ซุปปลาบด
เครื่องปรุง
ปลาเนื้อขาว 1 ชิ้น เต้าเจี้ยว 1/4ชช. น้ำซุป 1/4ถ.
วิธีทำ
1. เอาก้างออกจากปลา แล้วใช้ช้อนขูดเนื้อปลา ใช้ประมาณ 1 ชต.
2. ต้มน้ำซุปกับเต้าเจี้ยว พอซุปอุ่นๆ ใส่เนื้อปลาลงไปคนให้กระจาย
เต้าหู้ไข่แดงบด
- ต้มเต้าหู้อ่อนกับน้ำต้มกระดูกไก่ ด้ววยไฟอ่อนอย่าให้นานนัก
- ต้มไข่ไก่จนสุก ใช้แต่ไข่แดง นำมาบดกับเต้าหู้อ่อน เติมน้ำเล็กน้อยให้นิ่มเละ หรือจะใช้ตับสลับกับไข่แดงบ้างก็ได้โดยที่เมื่อเต้าหู้สุกแล้วให้ใส่ตับบดลง ไปต้มจนสุก

ไข่แดงตุ๋นนมสด
- อุ่นนมในหม้อตุ๋นให้พอร้อน ใส่ไข่แดงงคนให้เข้ากัน นำไปตุ๋น คอยคนบ่อยๆ

คัสตาร์ดไข่แดง
- ผสมนมสด 2 ชต. น้ำซุป 1 ชช. และไขข่แดง (เอาเยื่อไข่แดงออกก่อน) 1 ฟอง เข้าด้วยกัน ใส่เกลือป่นเล็กน้อย
- นำไปนึ่งด้วยไฟแรงปานกลาง ประมาณ 5-7 นาที

มันฝรั่งไข่แดง
- หั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ต้มให้สุกนิ่ม บดละเอียด
- ต้มไข่ให้สุกแข็ง บดละเอียด ต้มผักอะไรก็ได้ เช่น ตำลึง ผักกาดขาว ผักขม สับเป็นชิ้น ละเอียดเล็กๆ
- ละลายเนยสดในหม้อ ผัดผัก มันฝรั่ง และไข่ให้เข้ากัน

ไข่นึ่งผักขม
- แช่ขนมปังในน้ำอุ่น หรือจะต้มก็ได้
- ต้มผักขมแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตีไข่ให้เข้ากัน เติมน้ำซุป ปรุงรสด้วยเกลือ หรือซีอิ้วขาวเล็กน้อย
- ใส่ผักขมและ ขนมปังลงในชาม เทส่วนผสมของไข่และน้ำซุปลงไป นำไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที

ขนมปังต้มกล้วย
- ต้มขนมปังในนมสดจนนิ่มเละ
- ครูดกล้วยน้ำว้าเอาแต่เนื้อ
- พอขนมปังได้ที่ยกลง แล้วรีบเอากล้วยใส่

ปลาตุ๋น
- ล้างปลา ขอดเกล็ด แกะก้างให้ดี ใส่เนื้อปลาลงในหม้อตุ๋นเติมนมสดหรือน้ำสุก 2 ชต.
- ตุ๋นจนสุกนานประมาณ 20-30 นาที นำไปบดให้ละเอียด
อาหารสำหรับเด็กวัย 8-12เดือน

สตูว์ไก่
สัน ในไก่หั่นชิ้นเล็กๆ คลุกกับแป้งสาลีและเกลือป่นหมักไว้ นำไปทอดให้เหลือง ผัดหอมใหญ่ หัวแครอทชิ้นเล็กๆ จนเหลือง ใส่เนื้อไก่ ถั่วแขก มันฝรั่ง เติมน้ำต้มกระดูกไก่ เคี่ยวจนเนื้อเปื่อย ผักสุกนิ่ม

น้ำซุปไก่
ปอก เปลือกหัวไชเท้า แครอท อย่างละ 1 หัว ตัดครึ่ง ผ่า 4 ขึ้นฉ่าย 1 ต้น ตัดรากออก นำกระดูกไก่ลงแช่น้ำ นานประมาณ 40 นาที ใส่ผักทั้งหมดลงในหม้อน้ำกระดูกไก่ เติมเกลือ 1 ชช ยกขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวนาน 30 นาที ระวังอย่าให้เดือด ช้อนฟองออกตักผัก กระดูกไก่ออก กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำน้ำที่ได้ ไปต้มอีกครั้ง

ข้าวนึ่งนม
ผสมข้าวสารกับนมและเกลือ เข้าด้วยกัน นึ่งจนข้าวสุก เวลาทานราดด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง

ผัดมักกะโรนีกุ้ง
ต้มมักกะโรนีในน้ำเดือด ใส่เกลือป่นเล็กน้อยต้มจนมักกะโรนีนิ่ม ตักขึ้นแช่น้ำเย็น ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
ผัดเนยกับหอมหัวใหญ่หั่นละเอียด ใส่มะเขือเทศ น้ำตาล เกลือ น้ำซุปเล็กน้อย ตามด้วยกุ้งสดสับชิ้นเล็กๆ ใส่มะกะโรนี ผัดให้เข้ากัน

แตงกวาสอดไส้
แตง กวาหั่นขวาง คว้านไส้กลางออกผสมเนื้อหมูสับหรือกุ้งสับ หอมใหญ่สับ แป้งในและเกลือป่น เข้าด้วยกัน โรยแป้งสาลีเล็กน้อย ยัดไส้ลงในแตงกวา จัดเรียงลงหม้อ เติมน้ำต้มกระดูกไก่พอท่วม ต้มจนสุก

ปลาทอด
ปลา ตาเดียว หรือปลาช่อน ลอกหนังและเลาะกระดูกออก หั่นหนาประมาณ 1/2นิ้ว  เคล้าปลากับน้ำมะนาวและเกลือ หมักไว้ 10 นาที ละลายเนยในกระทะ นำปลาลงทอดให้สุก

ผัดเม็ดถั่วลันเตา
ใส่น้ำมันลงในกะทะ ผัดหมูสับ มะเขือเทศ และเม็ดถั่วลันเตาต้มสุก ปรุงรสด้วยเกลือป่น ตักใส่จาน
ตี ไข่ นมสด เกลือป่น ให้เข้ากัน ละลายเนยในกะทะ เทไข่ที่ผสมแล้วลงไปคนให้กระจาย ใส่เม็ดถั่วที่ผัดกับหมูสับมะเขือเทศลงไป คนให้เข้ากัน

ขนมปังแพนเค้ก
ปั่นขนมปัง ไข่ นม วานิลลา เข้าด้วยกัน ให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ละลายเนยในกะทะแบน ตั้งไฟพอร้อนตักส่วนผสมลงทอด

มันฝรั่งชุบไข่ทอด
ต้ม มันฝรั่งทั้งเปลือกให้สุกนิ่ม ลอกเปลือกออก หั่นเป็นแว่นบางๆ และหั่นเป็นชิ้นเป็นชิ้นใหญ่ๆอีกที หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นเล็ก หมักกับเกลือป่นเล็กน้อย ละลายเนยในกะทะ นำเนื้อหมูกับมันฝรั่งลงผัด ตีไข่ให้ขึ้นฟู ใส่มันฝรั่ง เนื้อหมู ที่ผัดไว้ นำไปทอดให้เหลืองสุก

หมูสับราดหน้าผัก
หมู สับ หอมใหญ่สับ เกลือป่น ไข่ขาว แป้งมัน ผสมให้เขากัน เสร็จแล้วปั้นหมูเป็นห้อนกลมเล็กๆ ทอดให้สุก ลวกแครอท กะหล่ำดอก มะเขือเทศ ถั่วแขกพอสุก นำผักทั้งหมดลงผัด เติมน้ำซุป เกลือป่น ละลาย แป้งมันใส่ ตักราดเนื้อหมูที่ทอดแล้ว

ข้าวบดไก่
เครื่องปรุง
ข้าวสุก 1/2 ถ.  เนื้อไก่สับ 1 ช.ต.  น้ำ 1 1/2 ถ.  ซีอิ้วขาว 1/2 ช.ช.
วิธีทำ
1. ต้มข้าวสุกกับน้ำ ต้มไฟปานกลางจนข้าวสุกแล้วใส่ไก่สับ ต้มไฟอ่อน
2. คนจนกระทั่งเนื้อไก่สุก นำมาบดด้วยหลังช้อนพอให้เข้ากัน

มันเทศกวน
เครื่องปรุง  มันเทศ 1 หัวเล็ก   ลูกเกด 1 ชต.  เนยสด 1ชต.  น้ำตาลทราย 1 ชต.

วิธีทำ
1. มันเทศล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ นำไปต้มหรือนึ่งให้สุกนิ่ม
2. ใส่มันเทศที่ต้มหรือนึ่งลงในหม้อ ยีมันเทศให้ละเอียดในระหว่างที่ยังร้อนอยู่
3. ลูกเกดลวกน้ำอุ่นแล้วสับให้ละเอียด คลุกกับมันเทศบด เติมเนยสดและน้ำตาลทราย นำไปตั้งไฟกวนสักครู่ ใช้ไฟอ่อน
4. ตักมันเทศกวนใส่ผ้าขาวบาง 1 ชต. แล้วบิดผ้าให้เป็นก้อนกลมๆ เมื่อคลี่ผ้าออกจะได้มันเทศบดรูปกลมๆ

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ข้าวบดใส่น้ำแกงจืด สำหรับเจ้าตัวเล็ก

ข้าวบดใส่น้ำแกงจืด

ข้าว บด ต้มปลายข้าวกับน้ำ พอเดือดหรี่ไฟ เคี่ยวจนเปื่อย หรือใช้หม้อตุ๋น 2ชั้นก็ได้ บดข้าวในกระชอนตาถี่ หรือบดข้าวในผ่านผ้าขาวบาง หรือหลังช้อนก็ได้

น้ำแกงจืด ใช้ผักใบเขียวชนิดใดก็ได้ ยกเว้นบางชนิดที่มีกลิ่นแรงเช่น ผักชี ใบหอม ขึ้นฉ่าย กุยช่าย ล้างให้สะอาด ซอยละเอียด ต้มในน้ำด้วยไฟแรงจนสีเขียวของผักออก กรองเอาแต่น้ำ

กล้วยน้ำว้าครูด
กล้วย น้ำว้าสุกเปลือกเหลืองค่อนข้างงอม ล้างให้สะอาด ปอกเปลือกด้านที่จะครูดก่อน เพื่อมือจะได้ไม่สัมผัสด้านที่ ยังไม่ได้ครูดใช้ช้อนครูดเอาแต่เฉพาะผิวๆ บดให้ละเอียด ครูดผ่านกระชอนหรือผ้าขาวบางอีกครั้ง กล้วยน้ำว้าครูดนี้สามารถให้ทานเปล่าๆ หรือนำไปผสมกับข้าวบดก็ได้

ข้าวบดกับนม
- ผสมนมตามปกติ แล้วเทใส่หม้อ ตั้งไฟฟพอให้ร้อน
- ใส่ข้าวบด ( ข้าว 1 ช้อนโต๊ะ ต่อ นม 1/3ถ้วย ) คนให้เข้ากัน ยกลง
- แล้วเติมนมอีก1ช้อนโต๊ะ คนให้ทั่ว

ข้าวบดใส่ไข่แดง
- ต้มไข่จนสุก ( ประมาณ 20 นาที ) เอาแต่ไข่แดงที่สุกจริง ๆ มาบดกับข้าว
- ครั้งแรกควรเริ่มให้ไข่แดงแค่ ประมาณ1/4ก่อน ไข่แดงต้องเป็นไข่แดงสุกจริง ๆ เพราะหากเป็นยางมะตูม จะย่อยยาก

ข้าวบดถั่วเขียว
นำ ถั่วเขียวเลาะเปลือกล้างสะอาด แช่น้ำเดือดประมาณ 20 นาที ต้มจนเปื่อย กรองเอาน้ำออก บดให้ละเอียด ผสมกับข้าวหรือจะผสมกับนมที่ให้ทานก็ได้

โจ๊กน้ำต้มตับ
ต้ม ปลายข้าวกับน้ำ พอเดือดใส่ตับ เคี่ยวจนตับสุก และข้าวเปื่อย จากนั้นนำตับขึ้นมาแล้วครูดข้าวให้ ละเอียด หรือ จะใช้วิธี นำตับมาสับ ให้ละเอียดก่อน จากนั้นค่อยนำไปต้มให้สุกแล้วกรองเอาน้ำต้มผสมกับข้าวบด

น้ำซุปไข่ แดง
ต้ม น้ำซุป ( หมูหรือไก่ ) กับผักกาด หรือผักเขียวชนิดใดก็ได้ ต้มจนผักสุก น้ำผักออกสีเขียว บดไข่แดงต้มสุก เติม น้ำซุปที่ต้มกับผัก ( เอาแต่น้ำ ) ลงไปเคี่ยวให้เละและเหลว

ข้าวบดปลา
- นำปลามาลอกหนังออกเลาะเอาแต่เนื้อ อยย่าให้มีก้างติด นึ่งหรือต้มจนสุก
- นำมาบดผสมกับข้าวบด หรือจะใช้ปลาดิบต้มผสมกับปลายข้าว แล้วนำมาบด ทีหลัง

ฟักทองบด
- ต้มหรือนึ่งฟักทองจนสุกนิ่ม ครูดผ่านนกระชอนหรือบดด้วยหลังช้อน
- นำฟักทองใส่หม้อตุ๋น ยกขึ้นตั้งไฟตุ๋นให้ร้อน
- เติมนมสด คนให้เข้ากัน หรืออาจเติมมไข่แดงบด หรือเนยสด หรือน้ำซุปลงไปด้วยก็ได้
- สามารถเปลี่ยนฟักทอง เป็น มันฝรั่ง แครอท หัวไชเท้า

ซุปเต้าหู้อ่อน
ต้ม แครอท ให้เละกรองเอาแต่น้ำ หั่นเต้าหู้ อ่อนเป็นชิ้น เล็ก ๆ บดละเอียดใส่ลงในหม้อ เติมน้ำซุป ต้มให้เดือด ละลายแป้งมันใส่เล็กน้อยคนพอสุกข้นยกขึ้น

ขนมปังน้ำแอปเปิ้ล
ต้มนมสดในหม้อตุ๋น พอเดือดใส่ขนมปังที่ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มด้วยไฟอ่อน จนขนมปังเละ นำแอปเปิ้ลบดละเอียดกรองเอาแต่น้ำเติมลงในหม้อ

ขนมปังต้มนม
สำหรับน้ำแอปเปิ้ล อาจใช้น้ำผลไม้ที่มีรสหวานแทนก็ได้ เช่น น้ำองุ่น น้ำมะละกอ
น้ำองุ่น (5 เดือน)
เครื่องปรุง
องุ่น 1 พวง
วิธีปรุง
- แช่องุ่นในน้ำสะอาด ทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างให้สะอาด
- ปลิดองุ่นทีละเม็ดออก ล้างให้สะอาด ลอกเปลือก แล้วผ่าแคะเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
- ใช้ผ้าโปร่งที่สะอาด บิดคั้นเอาแต่น้ำ

ข้าวครูด
เครื่องปรุง
ปลายข้าว 2ชต.
น้ำ 2 ถ .
วิธีทำ
1. ต้มปลายข้าวกับน้ำ พอเดือดหรี่ไฟ เคี่ยวจนข้าวสุกและเปื่อย หรืออาจจะตุ๋นก็ได้โดยใช้หม้อตุ๋น 2 ชั้น
2. นำมาครูดด้วยกระชอนตาถี่ๆ หรืออาจบดด้วยหลังช้อนจนละเอียดมาก ข้าวครูดนี้อาจใช้ป้อนทารกโดยเติมน้ำ ต้มผัก หรือบดกับกล้วยน้ำว้าสุกก็ได้  *ก่อนครูดข้าวต้องล้างกระชอนให้สะอาด และลวกด้วยน้ำร้อน

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อาหารเสริมลูกรัก

เวลากินอาหารเราจะเอาเอมิมานั่งด้วยกัน นั่งตัก นั่งเปลโยกเนี่ยแหละค่ะ
พอเห็นเขาเริ่มมองเวลาเรากิน สายตาจับจ้องอยู่ที่อาหารในมือ ทำปากจ๊อบแจ๊บตาม
เราก็ลองป้อนเขาเลย  เมนูแรกเป็น แครอทต้มบดละเอียดค่ะ
คือ ทั้งหมอและมิดไวฟที่นี่แนะนำให้เริ่มที่ผัก เป็นแครอทอะไรแบบนี้
ที่นี่ไม่แนะนำกล้วยนะคะ เพราะกล้วยอาจทำให้ท้องผูกได้ค่ะ
เราให้แครอทไปเลย 7 วัน เพื่อที่จะดูว่าลูึกแพ้อาหารหรือเปล่า
คือ ช่วงแรกๆ ที่ให้อาหารเสริมนี่อย่าเปลี่ยนบ่อยๆ อย่าเอาอาหารหลายๆ อย่างผสมรวมกัน
ให้อย่างเดียวโดดๆ ไปก่อน เช่น แครอทบด ก็แครอทบด ฟักทองบดก็ล้วนๆ
ผสมได้คือ นมแม่ หรือถ้าน้องกินนมกระป๋องก็ผสมนมกระป๋องค่ะ
เริ่มแรกเราให้ประมาณ 2-3 ช้อนกาแฟ แต่ไม่ได้เต็มช้อนนะคะ ตักแค่ติดปลายๆ ครึ่งช้อน

แรกๆ เราซื้ออาหารขวดค่ะ แครอทบด ฟักทองบดแบบขวด เพราะลูกกินไม่เยอะ
และไม่สามารถทำเองได้ด้วยอ่ะตอนนั้น เพราะลูกเกาะติดมาก เราเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีใครช่วย
อุปกรณ์ทำอาหาร มีอย่างเดียวที่ซื้อใหม่คือ เครื่องปั่น ซึ่งมาไดใช้ก็ช่วงลูก 5 เดือน
ตอนนี้เราทำอาหารบดให้ลูกเองแล้ว ก็ทำง่ายๆ แหละค่ะ
มันฝรั่งต้ม บางทีก็เป็นข้าวบดผสมแครอท บล๊อคโคลี่ น้ำซุปไก่ เนื้อไก่ หรือเนื้อหมู ใส่ไข่แดงต้มไปด้วย
ทำทีหนึ่งก็เก็บฟรีซไว้ได้ประมาณ 5-6 วัน จะใช้ทีก็เอาออกมาละลาย แล้วอุ่นให้ร้อน

เราใช้วิธีเก็บในขวดอาหารค่ะ แต่เราใช้ฟิลม์ถนอมอาหารหุ้มปากขวดก่อนใช้ฝาปิดอีกที
เวลาอุ่นก็เอาฟิลม์ที่หุ้มปากขวดออกแล้วเอาขวดแก้วนี่แหละเข้าไมโครเวฟเลย

วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อาหารกระตุ้นน้ำนมแม่

การอยู่เดือนเป็นการดูแลเรื่องอาหารการกินและเน้นเรื่องการพักผ่อนที่แม่เพิ่งคลอดควรนอนเยอะๆ และเว้นจากงานบ้านไปก่อน
ผู้ใหญ่บอกมาว่าการอยู่เดือนจะดีต่อทั้งแม่และลูกคือ….
หนึ่ง เป็นการบำรุงให้มีน้ำนมเพื่อลูก
สอง เป็นการฟื้นฟูร่างกายของแม่ให้กลับมาเป็นปกติ และไม่มีผลอะไรในภายหลัง


เราสรุปสิ่งที่เราได้ทำในช่วงอยู่เดือนมาค่ะ มาดูเราก็ยอมทำตามผู้ใหญ่เยอะน่ะเนี่ยทั้งๆ ที่ค่อนข้างดื้อและไม่เชื่อเท่าไหร่


**กินเมนูที่บำรุงน้ำนม และขับลม**

เช่นน้ำแกงกระเพาะปลาสดใส่โสม น้ำแกงกระเพาะหมู ไก่บ้าน/หมูผัดขิง เมนูปลา เมนูผัก ผลไม้
มื้อ นึงได้กับข้าวตั้ง 2-3 อย่างที่ครบถ้วนไปด้วยสารอาหารครบ 5 หมู่ เมนูที่กินช่วยขับลมดีเหลือเกิน จนทั้งแม่ลูกเลยตดกันเป็นงานอดิเรก 555
เรื่องกลิ่น ไม่ต้องพูดถึง เหม็นติดจมูกทุกคนในบ้าน ความแรงของตดน่ะเหรอ ถ้าอุ้มลูกอยู่ แรงตดปะทะฝ่ามือของทุกๆ คนมาแล้วเช่นกัน ฮ่า ฮ่า


**กินน้ำอุ่นเยอะๆ**

เรากินน้ำอุ่นวันนึง 2-3 ลิตร ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ชอบกินน้ำและกินแต่น้ำเย็น
นี่ก็พยายามเอาน้ำกรอกปากตัวเองบ่อยๆ เพื่อให้น้ำนมมาเยอะๆ เรียกว่าว่างเมื่อไหร่ก็หยิบน้ำมากินเล่นๆ แก้เซ็ง และไม่แตะน้ำเย็นเลย


**อาหารต้องห้าม**

ห้ามกินของเย็น ทั้งอาหารที่ให้ความเย็นเช่นฟัก ขนาดผลไม้ที่แช่ในตู้เย็น ยังไม่ได้เลยอ่ะ
ห้ามกินของหมักดอง และ ของค้างคืน ถ้าอาหารมื้อไหนกินไม่หมด แม่เราจะกินต่อเองไม่เก็บให้เรากิน


**ห้ามเดินเยอะ ต้องนอนเยอะๆ**

ข้อ นี้ทำไม่ค่อยได้ ยังขยันเดิน แต่พยายามไม่เดินขึ้นลงบันใดเยอะ นอนกลางวันก็ไม่ค่อยได้นอน เอาแต่นั่งเล่น net หน้าคอมเนี่ย โดนบ่นเรื่อย
ตอนกลับบ้านวันแรกหลังจากคลอดเราไม่ค่อยเจ็บแผลแล้ว (คลอดธรรมชาติ) ก็เดินขึ้นเดินลงชั้น 2 ถึงชั้น 4 จนอีกวันเราเจ็บระบมตรงแผลมากๆ
โทรไปถามหมอ หมอถามก่อนเลยว่าบ้านมีกี่ชั้น เดินบ่อยไหม และก็นั่นแหละ แหะ แหะ ทำตัวเองแท้ๆ
เราโชคดีมีอี้มาคอยดูแล และกลายเป็นอี้เหนื่อยสุด ต้องทำทั้งงานบ้าน ทำอาหารให้เรา หน้าที่เราก็แค่ให้นมลูก ดูแลลูก แค่นั้นเอง


**ห้ามออกนอกบ้าน**

อันนี้แหกกฎไปแหละ อาทิตย์แรกก็ออกนอกบ้านไป 3 รอบ รอบแรกพาลูกไปหาหมอ รอบสอง & สามไป ซื้อของใช้ที่ยังขาดอยู่


**ห้ามโดนลมจะๆ**

อันนี้ก็ทำไม่ได้ อากาศก็ร้อน อาหารที่กินก็ร้อน เปิดพัดลมจ่อตัวเลย 555


**อาบน้ำตะไคร้อุ่นๆ เพื่อไล่ลม 2 วันครั้ง**

เออ!! หอมดีแหะ อาบแล้วติดใจ จริงๆ เค้าไม่ให้สระผมน่ะ ก็เอาน้ำตะไคร้มาราดหัวได้


**ห้ามสระผม 1 เดือน**

คนโบราณกลัวว่าจะเป็นโรคปวดหัวตอนแก่ แต่อันนี้อนุโลมให้ใช้น้ำตะไคร้มาราดหัว แต่ได้อาทิตย์ละครั้งน่ะ



ช่วง ที่ผ่านมา กินขิงเยอะมาก แม่ก็ทำกระเพาะปลาสดใส่โสมให้ เผ็ดร้อนดีมากๆๆ ทำเอาเราถ่ายสบายๆๆ แรกๆ ก็เกร็ง อั้นน่าดู ไม่กล้าเบ่ง กลัวเจ็บแผล แต่ก็ไม่เป็นไรนิ
ลูกก็ได้ผลพลอยได้คือ เวลาดมที่ปากจะมีกลิ่นอาหารที่เรากินและไอ้ซุปกะขิงที่กินไป ทำให้ลูกตดเก่งก็เหมือนถูกไล่ลมในตัว ก็ดีน่ะ ไม่ต้องพึ่งยา


จากที่แรกๆ เรางอแงไม่อยากทำไม่ยอมทำ ในที่สุดเราก็ทำตามที่อี้และแม่บอกแทบทุกอย่าง เพราะอะไรรู้ไหมค่ะ
เพราะความรักความตั้งใจความหวังดีของเค้า เค้าเหนื่อยมากน่ะ พอเค้าเห็นเรากินอาหารจนหมด ทำตามที่เค้าบอก เค้าก็ยิ้มแบบหายเหนื่อย
ดังนั้นเราก็ยอมสู้ตาย เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวคือเอาใจผู้ใหญ่ และบำรุงลูกเราไปในตัว

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เมนูสำหรับเด็กอายุ 1 ขวบ ขึ้นไป

- ข้าวผัดไข่ใส่ผัก
- ข้าวผัดปลาทู
- ข้าวผัดปลาเค็ม
- ข้าวผัดปลาสับ
- ข้าวผัดแฮม
- ข้าวผัดปูอัด
- ข้าวผัดกุ้ง
- ข้าวผัดกุนเชียง
พวกข้าวอบก็ทำค่ะ
- ข้าวอบมัน
- ข้าวอบเผือก
- ข้าวอบสับปะรด
- ข้าวอบผงกะหรี่ไก่
- ข้าวอบกุนเชียง
- ข้าวอบผักใส่เห็ดหอม
พวกผัด
- ผัดไข่ใส่มะเขือเทศ
- ผัดบวปเหลี่ยมใส่ไข่
- ผัดมะเขือยาวใส่เต้าเจี้ยว
- ผัดเนื้อสับใส่พริกหวาน
- ผัดตับใส่ผัก
- ผัดผักโขมใส่หมูสับ
- ผัดมักกะโรนีเนื้อสับ
- เต้าหู้ไข่ทรงเครื่อง
- ผัดผักกวางตุ้งฮ่องกงใส่กุ้งสับ
- ผัดปลาใส่ผงกะหรี่ใบคึ่นช่าย
นึ่ง/อบ/ย่าง/ทอด
- ปลานึ่งกับแอปเปิ้ล
- ปลานึ่งซีอิ๊ว
- ปลานึ่งผักกาดขาวกับเห็ดหอม
- ปลาแซลม่อนอบชีส
- ปลานิลทอด / ปลาชุบแป้งทอด / ปลาชุบไข่ทอด
- ปลาทูทอด
- ไก่ย่าง/หมูย่าง/ปลาแซลม่อนย่าง
ไข่
- ไข่ดาวทรงเครื่อง
- ไข่เจียวยัดไส้
- ไข่เจียวกุ้งสับ/ไข่เจียวปูอัด/ไข่เจียวไก่สับ
- ไข่ตุ๋นปลา/ไข่ตุ๋นผัก/ไข่ตุ็นปูอัดและกุ้งสับ
- ไข่พะโล้ / ไข่ลูกเขย
แกง/ต้ม
- แกงจืดผัดโขมหมูสับ
- แกงจืดไข่
- แกงจืดวุ้นเส้น
- แกงจืดเต้าหู้ไข่
- แกงส้มอนุบาล

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไปคลอดต้องเตรียมอะไรไปบ้าง

ก่อนอื่นยินด้วยกับคุณแม่คนใหม่ ที่ได้จะเห็นหน้าลูกแล้ว
สำหรับของที่เตรียมไปนะคะ อาจจะบอกไม่หมดนะคะเพราะจำไม่คอยได้
ของคุณลูก
- ผ้าอ้อม (เอาไปเยอะๆหน่อยก็ดีค่ะ)
- ผ้าขนหนูห่อตัว (เอาไปเยอะหน่อยก็ดีค่ะ)
- ถุงมือ
- ถุงเท้า
- หมวก
- เสื้อผ้า
- สบู่สำหรับเด็ก (โรงพยาบาลที่เราคลอดเวลาที่เขาสอนเราอาบน้ำให้ลูกเขาให้ใช้แบบก้อนและต้องนำไปเอง)
- น้ำยาซักผ้าเด็ก (ของเราต้องใช้ค่ะ เพราะผ้าอ้อมกับผ้าขนหนูไม่พอ นี้ขนาดเอาไปเยอะแล้วนะคะ ลูกฉี่บ่อยมากๆ)
ของคุณแม่
- เสื้อผ้าหลังคลอด
- ผ้าอนามัย (อันนี้ไปซื้อที่โรงพยาบาลก็ได้ค่ะ เป็นแบบใช้สายเกี่ยว ไม่รู้เรียกว่าอะไร)
- อุปกรณ์แปรงฟัน (โรงพยาบาลที่เราคลอดไม่มีให้ ที่อื่นไม่แน่ใจ)
ประมาณนี้ค่ะ

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มาแก้ปัญหาทารกน้อยชอบร้องกันดีกว่า

สืบเนื่องจากช่วงนี้เห็นข้อความโพสเรื่องต้องอุ้มลูก วัยแรกเกิดบ่อย ๆ และน้องชอบร้องให้อุ้มและไม่ยอมนอน เราเองก็เพิ่งคลอดลูกได้หนึ่งเดือน ตอนแรกก็ประสบกับปัญหานี้เหมือนกัน ตอนนี้เราไม่มีปัญหาเรื่องตอนนอนกลางคืน เพราะว่าเราได้ดูซีดี ของ ดร.ฮาร์วี่คราฟ ซึ่งเราได้ซื้อเก็บไว้นานแล้ว เขาอธิบายเกี่ยวกับทารกวัยแรกเกิดถึง 3 เดือนว่า เขาชินกับการอยู่ในท้องแม่และมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา บางทีที่ทารกร้อง ไม่ใช่เพราะหิวนม หรือปวดท้องแต่เขาต้องการความปลอดภัยและอบอุ่นเหมือนเขาได้กลับบ้าน เพราะตลอด 9 เดือนเขาเคลื่อนไหวไปกับคุณแม่ตลอดเวลา และจะได้ยินเสียงในท้องคุณแม่ตลอด ซึ่งเราจำไม่ได้ว่าใช่ 24 เดซิเบลหรือเปล่า ดังนั้นเวลาเขาได้ยินเสียงใกล้ ๆ เขาจึงสงบฟังเพราะเขาจะคุ้นเคยกับเสียง เวลาที่ลูกร้องและเอาไม่อยู่ ดร.ฮาร์วี่ จะแนะนำให้ห่อตัวเด็ก ก็เหมือนกับที่ รพ.สอนห่อตัวลูกแหละค่ะ แต่ให้ห่อให้แน่นหน่อย และจับเขาตะแคงและหนีบไปที่ข้างลำตัวด้านซ้าย โดยศรีษะของลูกอยู่บนมือเราทั้งสองข้าง แล้วแกว่งมือไปมา แต่ถ้ายังไม่ได้ผลมากพอให้ออกเสียง ZHU..... ชู่....ใกล้ ๆ หูของเขาไปด้วยเขาจะสงบนิ่งและฟัง และจะค่อย ๆ เคลิ้มหลับค่ะ ซึ่งถ้าให้คุณพ่อทำจะได้ผลมากกว่าคุณแม่ทำ เพราะคุณพ่อจะมีระดับโทนเสียงที่ดังกว่า ถ้ายังไม่พออีกให้ใช้ชิงช้าไกวค่ะ แบบสวิงสำหรับเด็ก และถ้ายังไม่สงบก็ใช้จุกหลอกช่วยด้วย แต่ลูกเราแค่วิธีแรกแกว่งไปมาเขาก็ยิ้มหวานพริ้มแล้วก็หลับค่ะ หลับยาวตั้งแต่ 1 ทุ่มจนถึง 5 ทุ่ม หรือไม่ก็เที่ยงคืน หลังจากนั้นจะตื่นมากินนมตอนตี 3  และตื่นอีกครั้งตอนตี 5 ค่ะ ไม่ใช่ว่าลูกเราเลี้ยงง่ายนะ แต่เป็นผลมาจากที่เราทำตามวิธีของ ดร.ฮาร์วี่ค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ปวดหัวเลยทั้งพ่อและแม่ หลังจากดูจบเราก็มาทำตาม มันสุดยอดเลยใช้ได้ผลมาก ๆ เราทำกันทุกวันเลยค่ะ เขาก็หลับแบบนี้ทุกวัน ตอนนี้น้องอายุ 1 เดือนกับอีก 4 วันค่ะ สำหรับกลางวันเราไม่ได้ทำเพราะพ่อเขาไม่อยู่ แต่เราใช้หมอนรองให้นมของ little wacole ช่วยค่ะ ไม่ต้องอุ้มค่ะเอาเขาวางบนหมอนให้นม ร้องก็สามารถให้นมได้ และเขาก็หลับบนนั้น ซึ่งเราก็ไม่ต้องอุ้มให้เมื่อยมือ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันต้องรอให้เขาหลับสนิทก่อนแล้วค่อยวางบนที่นอนค่ะ แต่ช่วงกลางวันน้องจะตื่นบ่อยหน่อยค่ะ หวังว่าวิธีนี้อาจจะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้บ้างนะคะ